2557-01-31

แมงลัก(lemon basil)

แมงลัก (ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum × citriodourum) เป็นพืชล้มลุกในสกุลกะเพรา-โหระพา แมงลักมีใบเล็ก สีอ่อน บอบบาง ช้ำง่ายและเหี่ยวง่ายกว่า ชื่อสามัญเดิมเรียกกันว่า hoary basil (hoary แปลว่าผมหงอก) โดยนำมาจากลักษณะที่มีขนอ่อนสีขาวๆ บริเวณก้านใบและยอดอ่อน ต่อมาก็เปลี่ยนมาเรียกว่า lemon basil ตามลักษณะกลิ่นที่คล้ายส้ม-มะนาว ส่วนแมงลักศรแดงของไทยเรียกว่า thai lemon basil
แมงลักนำไปใช้ได้ทั้งใบและเมล็ด ใบมีกลิ่นฉุน ใช้ประกอบอาหารเช่นเดียวกับกะเพราและโหระพา ส่วนมากจะใช้รับประทานกับขนมจีน หรือใส่เครื่องแกงต่างๆ ส่วนเมล็ดแมงลักใช้ทำเป็นขนมอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ เมล็ดแมงลักนำมาทำเป็นยาระบายและอาหารเสริมลดความอ้วนได้
แมงลักในประเทศไทยนั้น มี หลากหลายยี่ห้อและหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ใช่ยี่ห้อดังยี่ห้อเดียวอย่างที่เข้าใจ ลักษณะพันธุ์ที่ดีใบต้องใหญ่พอดิบพอดี ไม่เล็กจนแคระแกร็น ดอกสีขาวเป็นชั้นๆ คล้ายฉัตร

การใช้ประโยชน์

แมงลัก ใบใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร เช่น ห่อหมก แกงเลียง อ่อม แกงคั่ว ขนมจีนน้ำยา พบมากในอาหารอีสาน เมล็ดแชน้ำให้พอง ใช้ทำขนมหรือรับประทานกับน้ำแข็งไส ไอศกรีม ใบมีฤทธิ์ขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืด ช่วยย่อยอาหาร เมล็ดช่วยย่อยอาหาร เป็นยาระบาย สกัดน้ำมันหอมระเหยจากใบไปใช้ในอุตสาหกรรมสบู่และเครื่องสำอาง กิ่งและใบทุบแล้ววางในเล้าไก่ ช่วยไล่ไรตัวเล็กๆได้

คุณค่าทางโภชนาการ

แมงลักมีโปรตีน 3.8 กรัมต่อน้ำหนักใบสด 100 กรัม ซึ่งสูงกว่ากะเพราและโหระพา ข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย รายงานว่า แมงลัก 1 ขีด มีบีตา-แคโรทีนสูงถึง 590.56 ไมโครกรัม เทียบหน่วยเรตินัล สูงกว่ากะเพราและโหระพา และให้แคลเซียม 140 มิลลิกรัม ส่วนกรมส่งเสริมการเกษตรระบุว่า ใบแมงลักให้พลังงาน 0.032 กิโลแคลอรี่ วิตามินเอ 9,164 หน่วยสากล และวิตามินบี2 ประมาณ 0.14 มิลลิกรัม ซึ่งน้อยกว่ากะเพราและโหระพา แต่แร่ธาตุอื่นๆ มีสูงกว่า เช่น มีไขมันสูงถึง 0.8 กรัม แป้งมากถึง 11.1 กรัม แคลเซียม 350 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 86 มิลลิกรัม เหล็ก 4.9 มิลลิกรัม วิตามินบี1 0.30 มิลลิกรัม และวิตามินซี 78 มิลลิกรัม

ยอดแมงลัก

2557-01-30

ตะไคร้ (Lemongrass)

ตะไคร้ (Lemongrass) ชื่อวิทยาศาสตร์ Doragag Staph ชื่อท้องถิ่น จะไคร (ภาคเหนือ) ไคร (ภาคใต้) คาหอม (แม่ฮ่องสอน) เชิดเกรย ,เหลอะเกรย(เขมร-สุรินทร์), ห่อวอตะโป่(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)ขี้ไคร้ (อินดี้-สกา) เป็นพืชล้มลุก ความสูงประมาณ 4-6 ฟุต ใบยาวเรียว ปลายใบมีขนหนาม ลำต้นรวมกันเป็นกอ มีกลิ่นหอม ดอกออกเป็นช่อยาวมีดอกเล็กฝอยเป็นจำนวนมาก ตะไคร้เป็นพืชที่สามารถนำส่วนต้นหัวไปประกอบอาหาร ใบตะไคร้นำไปคั้นกับเลือดสัตว์ไม่ให้จับตัวเป็นก้อน และจัดเป็นพืชสมุนไพรด้วย

มะกรูด(Kaffir lime)

                                         มะกรูด(Kaffir lime)
มะกรูด (อังกฤษ: Kaffir lime) เป็นพืชในสกุลส้ม (Citrus) มีถิ่นกำเนิดในประเทศลาว อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิยมใช้ใบมะกรูดและผิวมะกรูดเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องปรุงอาหารหลายชนิด นอกจากในประเทศไทยและลาวแล้ว ยังมีความนิยมในกัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย (โดยเฉพาะบาหลี)มะกรูดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เป็นไม้เนื้อแข็ง ลำต้นและกิ่งมีหนามยาวเล็กน้อย ใบเป็นใบประกอบชนิดลดรูป มีใบย่อย 1 ใบ เรียงสลับ รูปไข่ คือมีลักษณะคล้ายกับใบไม้ 2 ใบ ต่อกันอยู่ คอดกิ่วที่กลางใบเป็นตอนๆ มีก้านแผ่ออกใหญ่เท่ากับแผ่นใบ ทำให้เห็นใบเป็น 2 ตอน กว้าง 2.5-4 เซนติเมตร ยาว 4-7 เซ๋นติเมตร ใบสีเขียวแก่พื้นผิวใบเรียบเกลี้ยง เป็นมัน ค่อนข้างหนา มีกลิ่นหอมมากเพราะมีต่อมน้ำมันอยู่ ซึ่งผลแบบนี้เรียกว่า hesperitium (ผลแบบส้ม)
น้ำมะกรูดมีรสเปรี้ยว กลิ่นฉุนคล้ายใบ แต่ใช้น้อยกว่าน้ำมะนาว ใช้ปรุงรสเปรี้ยวแทนมะนาวได้ เช่นในปลาร้าหลน น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกมะกรูด มะกรูดมีส่วนเปลือกที่หนา ส่วนเปลือกนิยมนำผิวมาประกอบอาหารบางชนิดด้วย ในมะกรูดมีน้ำมันหอมระเหยอยู่มาก ใบมะกรูดนั้นใส่ในต้มยำทุกชนิด น้ำยาขนมจีน ยำหอย ใส่ในแกงเช่น แกงเผ็ด แกงเทโพ แต่ถ้าใส่มากเกินไปจะมีรสขมมีกลิ่นฉุน ทั้งในใบ และผล บางครั้งสามารถนำไปใช้ไล่แมลงบางชนิดได้ผลมะกรูดผ่าซีกที่บีบน้ำออกแล้ว ใช้เป็นยาดับกลิ่นในห้องสุขาได้ เอาละก็มาพูดถึงอาหารอีสานวันนี้นะครับ

การนำมะกรูดมาประกอบอาหาร 

ผลมะกรูด


ผล:คั้นเอาน้ำ หรือ เอาเปลือกใส่ในอาหาร
 






ใบมะกรูดหั่นฝอย 
ใบ:จะเด็ดใบใส่อาหารจำพวกต้มหรือแกง หั่นฝอยใส่ ลาบ,ก้อย

บักเหว่อ






บักเหว่อ
บักเหว่อ ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus medicaชื่อ อื่น หมากเหว่อ มะงั่ว ส้มมะงั่ว หมากกินเกิ้ม มะนาวควาย มะนาวริปน มะโว่ยาว ลีมากูบา ส้มโอมะละกอ ผลไม้ชนิดนี้คล้ายมะนาวมีรสเปรี้ยวจะลูกใหญ่กว่า สูงประมาณ 3-5 เมตร ตามลำต้นและกิ่งก้านมีหนามใบเดี่ยวออกสลับ ใบกลมมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบงอขึ้นเล็กน้อยสีเขียวเข้มเป็นมันวาว ใบหนากว่า ใบมะนาว มีบางใบมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ดอกสีขาวออกเหลือง ลักษณะคล้ายดอกของมะนาว มีเมล็ดกลมแต่ขนาดโต เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5- 7 ซม. ผิวเรียบเปลือกหนา รสเปรี้ยวจัด ส่วนที่ใช้บริโภค ใบอ่อน - แก่ ผลดิบ - แก่ การปรุงอาหาร ใบอ่อน นำมาลวกหรือต้มรับประทานเป็นผักร่วมกับน้ำพริก ลาบ ใบแก่ นำมาหั่นเป็นฝอย ใส่ลาบเพื่อดับกลิ่นคาว ประกอบอาหาร
บักเว้อ กินกับเกลือเป็นยาระบายและเมล็ดแห้งนำมาบัดผสมน้ำให้เด็กกินแก้โรคซางตาลขโมย
  ส่วนใช้ประกอบอ
าหาร
ผล บักเหว่อ
                                         

ผล : คั้นเอน้ำปรุงอรให้รสเปรี้ยว










ใบบักเหว่อหั่น


ใบ : หั่นเป็นฝอย ดับกลิ่นค

2557-01-28

ปล้าร้า สุดยอด อาหารไทย อาหารอีสาน & ข้าวคั่ว

            
ปลาร้า
           ปลาร้า วัฒนธรรมอีกอย่างของคนไทย คนอีสาน อาหารไทยในสมัยโบราณคนอีสานพอออกหาปลามาได้เป็นจำนวนมากๆซึ่งหากกินไม่หมดก็จะมีการถนอมอาหารโดยการตากแห้ง, ทำปลาส้ม ,ทำปลาร้าซึ้งปลาร้า สามารนำมาแปรรูปเป็อาหารได้หรายอย่างเช่นน้ำพริกปลาร้า,หรือ นำมาเป็นเครื่องปรุงสำหรับอาหารอีสานได้ซึ่งจะใช้แทนน้ำปลา เช่น แกงอ่อม,ส้มตำ

2557-01-26

ตระไคร้(lemongrass) & ก้อยกุ้ง

ก้อยกุ้ง
ก้อยกุ้ง  อาหารอีสาน ประเภทหนึ่งที่บอกถึงวัฒนธรรมการกินของคนอีสาน คือจะต้องกินดิบเท่านั้นถีงจะอร่อย และจะต้องกินกับเหล้าขาว   และวันนี้จะแนะนำส่วนผสมที่อาหารอีสานหรืออาหารไทยจะขาดไม่ได้เลยคือ ตระไคร้(lemongrass)

2557-01-23

น้อยหน่า(Sugar apple)&ต้มเปรตปลาไหล( eel soup)

น้อยหน่า(Sugar apple)&ต้มเปรตปลาไหล( eel soup)
         คนส่วนใหญ่ที่กินอาหารหรือพ่อครัว,แม่ครัวอาจจะไม่คุ้นเคยเพราะนี้เป็นสูตรอาหารแบบโบราณประเภทต้มยำ ใบน้อยหน่านี่แหละที่ทำให้ได้รสชาติอร่อยจริงๆ

2557-01-22

ก้อยหอย กับ มะกรูด( Kaffir lime)

วันนี้ผมไปตลาดเช้าเห็นหอยโข่งมาขายเลยคิดอยากกินจึงซื้อมาสองกิโลๆยี่สิบบาทเลยคิดว่าจะใส่อะไรดีจึงจะอร่อยเลยนึกถึงพืชชนิดหนึ่งที่อยู่สวนหลังบ้านใช้แทนน้ำมะนาวได้นั้นคือมะกรูดน้ำมะกรูดนั้นผมคิดว่าจะตัดความคาวสัตว์น้ำได้ดีกว่าพืชชนิดอื่น

2557-01-21

ซอยจุ๊ กับ แมงลัก(lemon basil)

วันนี้เป็นอีกวันที่ได้กินอาหารแบบเบิบพิสดารอีกเมนูหนึ่ง ซึ่ง ทางภาคอีสานของไทยจะเรียกว่าซอยจุ๊ ก็ธรรมดาอาหารอีสานจะต้องมีผักวันนี้จะขอแนะนำ
แมงลักกับซอยจุ๊ซึ่งเป็นทีเด็ดเลยเพราะแมงลักจะตัดกลิ่นความคาวของเนื้อ

2557-01-19

บักเหว่อ กับ ลาบ

วัฒนาธรรมอาหารไทยอีสาน
       ก่อนที่จะพูดถึงอาหารอีสานนั้นผมขอพูดถึงคนอีสานเสียก่อนซึ่งนิสัยของคนอีสานนั้นจะกินอยู่ง่ายสามารถนำสิ่งอยู่รอบตัวทำอาหารได้หมดและรสชาติที่เป็นอาหารที่คนอีสานชอบจะมีรสจัดและออกขมซึ่งรสขมจะมาจากผักต่างๆและน้ำดีของสัตว์ เช่น วัว หรือ หมู